ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวการณ์เคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564

ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/12) ที่ระดับ 33.50/52 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจาก ระดับปิดตลาดเมื่อวันพฤหัสบดี (9/12) ที่ระดับ 33.47/49 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐออกมาค่อนข้างดี โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.8% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.7%

นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.7% ดัชนี CPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ซึ่งทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 13 ปี เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนยังระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 70.4 ในเดือน ธ.ค. จากระดับ 67.4 ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2554 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้จะปรับตัวลงสู่ระดับ 67.1 โดยดัชนีได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นที่พุ่งขึ้นในกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ

ขณะที่กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้สูงและปานกลางต่างมีความเชื่อมั่นลดลง ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ สถานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะเร่งยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565

ทั้งนี้ ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2565 รวมถึงการปรับลดอัตราการซื้อพันธบัตร ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดจะไม่มีปฏิกริยามากนักต่อการตัดสินใจของเฟด เว้นแต่ว่าเฟดจะประกาศนโยบายที่สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด หรือส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 33.33-33.63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.41/43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/12) ที่ระดับ 1.1309/12 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพฤหสับดี (9/12) ที่ระดับ 1.1319/20 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร หลังการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังคงได้รับผลกระทบจากความกังวลของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1262-1.1320 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1265/69 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน เปิดตลาดเช้าวันนี้ (13/12) ที่ระดับ 113.49/51 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันพฤหสับดี (9/12) ที่ระดับ 113.55/57 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ หลังสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานซึ่งไม่รวมเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมต่อเรือและสาธารณูปโภคไฟฟ้า ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานในเดือน ต.ค.ปรับตัวขึ้น 3.8% เมื่อเทียบเป็นรายดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 2.1% เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/2564 โดยระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 113.31-113.74 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 113.68/69 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผผู้ลิตเดือน พ.ย. (14/12), ยอดค้าปลีกเดือน พ.ย. (15/12), คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (15/12), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน ธ.ค.จากมาร์กิต (16/12)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -1.50/-0.70 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศ อยู่ที่ -2.00/0.00 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ

By admin